วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ประวัติหลวงพ่อเข้าสุก
เรื่องราวของหลวงพ่อข้าวสุข (ข้าวสุก) มีผู้เล่าติดต่อกันมาเป็นเวลานานพอสมควร พอจะสรุปเรื่องราวที่ผ่านมาได้บ้างดังนี้
หลวงพ่อข้าวสุข (สุก) น่าจะสร้างขึ้นในราวปีพุทธศักราช 2366-68 หลังจากที่ได้สร้างวัดเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว และโรคอหิวาต์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ผู้คนยังหวาดกลัว ไม่กล้ามาอยู่ในบางอีก หลวงพ่อขำจึงได้สร้างพระพุทธรูปองค์หนึ่งขึ้นมาเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจ เพราะสมัยนั้นชางบ้านเชื่อกันว่ามีห่ามาเอาวิญญาณ ทำให้ผู้คนล้มตายจึงได้เรียกว่า โรคห่า หรือไข้ห่า
พระพุทธรูปองค์นี้ มีพุทธลักษณะ ปางนั่งสมาธิ มีฉายาของท่านว่า หลวงพ่อข้าวสุข (สุก)
เพราะมีส่วนผสมของข้าวสุกอยู่ด้วย ได้ทำพิธีปลุกเสกคาถาอาคมในโบสถ์วัดบางใบไม้ โดยเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทางไสยศาสตร์หลายองค์เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน คืนสุดท้ายคือคืนที่ 9 เวลาเที่ยงคืน ได้ยินเสียงร้องนอกอุโบสถดังทั่วไปหมด สุนัขเห่าหอนเสียงค่อย ๆ เงียบลง และคืนนั้น ห้ามพระเณรทุกรูปพร้อมเด็กวัดลงจากกุฏิจนกว่าจะสว่าง
เมื่อสว่างจึงให้พระทุกรูปลงโบสถ์สวดยันต์โตรับขวัญ และเชิญไปประดิษฐานไว้ที่หน้าศาลเรือนไม่หลังเล็ก กุฏิเล็ก หน้าโบสถ์เก่าทางขวามือ อยู่เหนือเขตพัฒนาศรีมาทางที่จะไปเมรุเผาศพ ศพทุกศพก่อนถึงเมรุจะต้องผ่านหน้าศาลาหลวงพ่อข้าวสุข(ข้าวสุก)และหยุดคาราวะก่อนจะไป เขตหน้าศาลาที่ผ่านเรียกว่า “ลอดโขนทวาร” หมายถึง ประตูระหว่างโลกมนุษย์กับประตูยมโลก เมื่อผ่านเขตประตูนี้ ภูตผีปีศาจวิญญาณของผู้ตายจะไปสู่ยมโลกหมด จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับโลกมนุษย์อีกต่อไป ไข้ห่าก็จะหายหมดไปไข้ห่าก็จะหายไปหมด และตั้งแต่วันนั้นจะไม่มีไข้ห่าในบางใบไม้อีกเลย (เป็นความเชื่อถือในยุคสมัยนั้น)
ผู้เล่า หมื่นโภคากร กำนันตำบลบางขยะ ชื่อจริงของท่านชื่อแดง ท่านบอกเล่าต่อไปว่า ท่านเคยเป็นเด็กวัดบางใบไม้ในสมัยนั้น และได้ร่ำเรียนหนังสือกับพระจนอ่านออกเขียนได้ และได้เรียนพิธีกรรมกับหลวงพ่อขำ ท่านมีความรู้ทางพิธีกรรมกับหลวงพ่อขำ ท่านมีความรู้ทางพิธีกรรมมากมายและเป็นหมอแผนโบราณอีกด้วย ท่านได้ถึงแก่กรรมไปหลายปีแล้ว ถ้าจะนับอายุของท่านถึงปัจจุบันคงไม่ต่ำกว่า 135 ปีท่านชอบเล่าเรื่องในอดีตให้พรรคพวกได้ฟังกันอยู่เสมอข้าพเจ้าจึงได้จดจำเอามาเขียนให้ลูกหลานได้อ่านได้รู้ไม่มากก็น้อย จงพิจารณาดูไม่ได้เขียนขึ้นมาเองอย่างเลื่อนลอย
และท่านได้เล่าต่อไปอีกว่า หลวงพ่อข้าวสุข(ข้าวสุก) สร้างจากสิ่งมงคลเก้าอย่างพอจะจำได้ลางๆ ดังนี้ แกนกลางทำด้วยแผ่นไม้เล็กๆ ลงอักขระอาคมเป็นภาษาขอมส่วนผสมองค์พระประกอบด้วย
1. ผงพระพุทธรูปที่ได้จากพระกรุสำคัญในประเทศไทย 9 แห่ง
2. ดินใต้บริเวณพระเจดีย์มหาธาตุ วัดสำคัญศักดิ์สิทธิ์ 9 แห่ง
3. ข้าวสุกจากบาตรพระตอนเช้า เก้าก้อน เสกคาถาลงอาคมตากแห้งบดละเอียด
4. ผงสมุนไพรที่ใช้ในการทำยาให้อยู่ยงคงกะพัน จำนวน 9 ชนิด
5. หินทรายแดงจากเกาะปราบจำนวน 9 ก้อน บดละเอียดลงคาถาอาคม(สมัยก่อนเรียกว่า เกาะพยาปราบ เป็นที่ลับอาวุธ ดาบ หอก ในการทำศึกสงคราม)
6. หินทรายแดงจำนวน 9 ก้อน บนยอดเขาพระแก้ว บทละเอียดลงคาถาอาคม(โบราณถือว่า พระพุทธองค์ เมื่อดับขัณฑ์ปรินิพานแล้วได้มาสำแดงอภินิหารเป็นดวงไฟโชติช่วงบนภูเขาแห่งนี้ให้ประจักร จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่าเขาแก้ว ส่วนน้ำที่ไหลจากยอดเขามาขังเป็นสระอยู่ข้างล่าง จึงถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้ในราชประเพณีมาแต่เดิม)
7. น้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธ์ (ต้นน้ำ) 9 แห่ง ที่ใช้ในราชประเพณี ราชวงศ์จักรี จำได้ 3 แห่ง น้ำในวัดเขาแก้ว น้ำในสระวัดมหาธาตุไชยา น้ำในแม่น้ำเพรชบุรี
ส่วน ข้อ 8 กับ ข้อ 9 จำไม่ได้ จะผิดหรือถูกก็ขอให้ผู้อ่านพิจารณาดู เพราะได้ฟังมานานแล้ว อาจจะผิดหรือถูกก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น แต่จะให้ถูกต้องจริงๆก็ต้องพิสูจน์ทางวิยาศาสตร์เท่านั้น
ความหมายของหลวงพ่อข้าวสุข
เป็นปริศนาธรรม
หลวงพ่อข้าวสุข เป็นสำนวนภาคกลาง
พ่อหลวงข้าวสุข เป็นสำนวนภาคใต้
พ่อท่าน คือ คุณพ่อที่บวชเป็นพระ
ข้าว คือ อู่ข้าว อู่น้ำ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ในสวนมีมะพร้าวความอุดมสมบูรณ์ ความร่ำรวย เงินมองจะไหลนองกองมา
สุข สุขะ สุโข เปลี่ยน สระอะเป็นสระโอ
สุโข ความสุข ความสบาย อยู่เย็นเป็นสุข หมดจากความทุกข์ยาก ทั้งหลายทั้งปวง หมด จากโรคภัยไข้เจ็บ หมดจากศัตรูที่ปองร้าย ผู้ที่ถูกเวทมนต์คาถาอาคม ก็จะเสื่อมสลายไปหมดสิ้น ผู้ที่เจ็บป่วยก็จะหายสบายเป็นปกติ ผู้ที่ยากจนจะร่ำรวยขึ้น โชคลาภก็จะไหลมาเทมา
ปริศนาธรรมอันนี้หลวงพ่อได้สร้างไว้ให้ช่วยปกป้องคุ้มครอง ชาวบางใบไม้ให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดเวลาอันยาวนาน เป็นพระคู่บุญมาตลอด ในความหมายนี้ข้าวสุขจึงไม่สะกดด้วยตัว ก.ไก่ แต่สะกดด้วยตัว ข.ไข่ จึงจะตรงกับความหมาย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น