วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

จุดเด่นของวัดบางใบไม้



วัดบางใบไม้ เป็นวัดที่ประดิษฐานรูปปั้นหลวงพ่อข้าวสุก ที่มีผู้นับถือ
และจะมีการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและอนุรักษ์โดยชุมชนบางใบไม้ เช่น 


กลุ่มผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว สวนลุงสงค์


แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น (การทำน้ำส้มจาก) 


ล่องเรือชมบ้านโบราณ 200 ปี


วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ประวัติวัดบางใบไม้

       

     เหลือท่านหนึ่งขุนประจันศึกประชิดไม่ยอมพลีชีวิตกลางสมรพาไพร่พลลงเรือรีบหนีจรจากนครมาหยุดอยู่ในคลองบางช่วยกันสร้างที่อยู่เป็นอู่นอนเรียงสลอนเป็นตัวเรือนเหมือนกันหมดมีกำหนดทรงไทยใสอร่ามคนให้นามหมู่บ้านใหญ่อยู่ในบาง

       ขุนประจันศึกประชิดคิดสร้างวัดเพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้ายในใจตนเคนฆ่าคนล้มตายเป็นหลายพันล้างบาปนั้นให้สิ้นผลกุศลกรรมจึงอุทิศเงินทองที่มีอยู่ขอสร้างวัดเป็นคู่พระศาสนาชื่อวัดพุทธชีที่มีมาเป็นเวลาเกือบร้อยปีแสนดีใจ ทั้งกุฏิโรงธรรมและโรงฉัน หอกลอง หอระฆัง สง่าศรี สมเป็นวัดพุทธชีมีศรีศักดิ์เพื่อเป็นหลักของคนดีที่
ในบาง









    สี่สิบเก้าปีผ่านไปหลังสร้างวัดเกิดวิบัติโรคอหิวาต์เข้าในบางคนตายร้างเกือบหมกสิ้นถิ่นพุทธชีต่างคนหนีความตายไม่กลับมาเป็นเวลาสองปีที่หนีไป ศพที่ตายเอาทิ้งไว้ที่ในวัด ถ้าจะนับเป็นร้อยไม่ถอยหลังจนกระทั้งเต็มทั้งวัดวิบัติเป็นมีกลิ่นเหม็นไปทั่วหน้ากลัวจริงบางรายศพห่อผ้าขาวเอามาทิ้งริมตลิ่งแล้วหนีไปนึกใจหายบางรายห่อด้วยเสื่อมัดหัวท้ายเอาทิ้งไว้ตรงกลางวัดทับซ้อนกันบางรายทำแคร่ไม้ไผ่ทุกเรือมาฝังริมท่าแล้วหนีไปเพราะกลัวผีริมนทีวรนุชจระเข้ได้กลิ่นศพอพยพหนีกันมาพาขุดกินจนหมดสิ้นทั้งตัวไม่กลัวใครสุนัขขาหมาก็ชุมเสียงเห่าหอนชั่วคืนนอนเสียงโหยหวนครวญอาลัยพระหนีไปจนหมดสิ้นถิ่นพุทธชีเป็นวัดร้างห่างเหินเหมือนป่าช้าไม่มีใครผ่านมาสักคนเดียวแสนเปล่าเปลี่ยววัดภูตผีไม่มีคนสัปดนยังเรียกว่าวัดภูชี คือ ผีชัดคนถนัดเรียกอย่างนี้จึงเพี้ยนไปเรียกใหม่วัดพุทธชีเท่านี้พอ







    สองปีผ่านไปใจเป็นทุกข์หมดความสุขทุกอย่างที่ผ่านมาถึงเวลาหลวงพ่อขำผู้นำวัดรีบกำจัดสิ่งไม่ดีที่มีมาชวนญาติหาไม้ฝืนมาปลงศพกิจกำหนดทำบุญกุศลให้ล้างกระดูกผูกพันอันตรายให้สลายหมดสิ้นถิ่นพุทธชีก็พอดีถึงสมัยกำนันกลิ่น น้ำเพชรคิดสำเร็จสร้างวัดกันเสียใหม่ทำอย่างไรให้หลวงพ่อขำผู้นำวัดเป็นผู้จัดหาที่มีศรีศักดิ์ได้ตั้งหลักข้างในจึงเป็นวัดเรียกถนัดว่าวัดในตั้งแต่นั้นมาชาวประชาเรียกวัดเดิมว่า วัดนอก จึงขอบอกให้ได้รู้ที่ผ่านมา





       
    หลวงพ่อขำเป็นผู้นำได้สร้างวัดกำนันกลิ่นชี้ชัดช่วยส่งเสริมได้เร่งหางบประมาณมาสานเติมชาวบ้านเพิ่มทรัพย์สินโมทนาสาธุการจนเสร็จงานเสร็จการทุกสิ่งสรรค์มีทั้งโบสถ์หลวงพ่อเหมเปรมปรีดา 
พ่อท่านข้าวสุกแสนศรัทธาทั่วหน้ากัน ทั้งโรงฉัน โรงธรรม กุฏิมีจนครบขอนอมนพโมทนาสาธุการคนเรียกขานชื่อวัดในแต่นั้นมา

      เล่าย้อนหลัง ในบางที่ตั้งวัดแต่เดิมชื่อบางจาก ต่อมาในปี ร.ศ. 116 พ.ศ. 2433 ได้มีพระราชกฤษีกาจัดตั้งหมู่บ้าน และมีพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 และพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2535 ฉบับที่ 9 ว่าด้วยการแต่งตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจากกฎหมายทั้งสามฉบับมีผลทำให้บางจากเปลี่ยนชื่อเป็น “บางใบไม้” ชื่อวัดจึงเปลี่ยนตามไปด้วยเป็น “วัดบางใบไม้” 
                พอจะแยกความหมายได้ดังนี้
                  วัด  = วัดความดีงาม
                  บาง = หมู่บ้าน
                  ใบ   = ความร่มเย็นเป็นสุข
                  ไม้   = ความอุดมสมบูรณ์

หมายถึง หมู่บ้านคนดี ร่มเย็นเป็นสุขอุดมสมบูรณ์
ผู้ตั้งชื่อนี้ คือ นายกลิ่น น้ำเพชร ผู้ใหญ่บ้านคนแรกและได้เป็นกำนันคนแรกได้รับพระราชทินนามเป็น หมื่นโภชนากร น้ำเพชร สมัยเป็นพระภิกษุสอบได้นักธรรมเอกและได้เป็นครูสอนนักธรรมวัดธรรมบูชา เมื่อเป็นกำนันได้ปกครองท้องที่หมู่ที่ 1 ตำบลบางใบไม้ อำเภอบ้านดอนจังหวัดสุราษฏร์ธานีและได้รับพระราชทานหนังสือกฎหมายตราสามวงจากกรมพระยาดำรงราชานุภาพ สมัยมาตรวจราชการภาคใต้เพื่อใช้พิจารณาคดีโทษที่ยอมความกันได้ส่วนคดีโทษที่ยอมความกันไม่ได้ก็ส่งให้ทางการพิจารณาโทษตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ประวัติหลวงพ่อเข้าสุก

      


       เรื่องราวของหลวงพ่อข้าวสุข (ข้าวสุก) มีผู้เล่าติดต่อกันมาเป็นเวลานานพอสมควร พอจะสรุปเรื่องราวที่ผ่านมาได้บ้างดังนี้
       หลวงพ่อข้าวสุข (สุก) น่าจะสร้างขึ้นในราวปีพุทธศักราช 2366-68 หลังจากที่ได้สร้างวัดเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว และโรคอหิวาต์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ผู้คนยังหวาดกลัว ไม่กล้ามาอยู่ในบางอีก หลวงพ่อขำจึงได้สร้างพระพุทธรูปองค์หนึ่งขึ้นมาเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจ เพราะสมัยนั้นชางบ้านเชื่อกันว่ามีห่ามาเอาวิญญาณ ทำให้ผู้คนล้มตายจึงได้เรียกว่า โรคห่า หรือไข้ห่า
       พระพุทธรูปองค์นี้ มีพุทธลักษณะ ปางนั่งสมาธิ มีฉายาของท่านว่า หลวงพ่อข้าวสุข (สุก)
เพราะมีส่วนผสมของข้าวสุกอยู่ด้วย ได้ทำพิธีปลุกเสกคาถาอาคมในโบสถ์วัดบางใบไม้ โดยเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทางไสยศาสตร์หลายองค์เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน คืนสุดท้ายคือคืนที่ 9 เวลาเที่ยงคืน ได้ยินเสียงร้องนอกอุโบสถดังทั่วไปหมด สุนัขเห่าหอนเสียงค่อย ๆ เงียบลง และคืนนั้น ห้ามพระเณรทุกรูปพร้อมเด็กวัดลงจากกุฏิจนกว่าจะสว่าง

       เมื่อสว่างจึงให้พระทุกรูปลงโบสถ์สวดยันต์โตรับขวัญ และเชิญไปประดิษฐานไว้ที่หน้าศาลเรือนไม่หลังเล็ก กุฏิเล็ก หน้าโบสถ์เก่าทางขวามือ อยู่เหนือเขตพัฒนาศรีมาทางที่จะไปเมรุเผาศพ ศพทุกศพก่อนถึงเมรุจะต้องผ่านหน้าศาลาหลวงพ่อข้าวสุข(ข้าวสุก)และหยุดคาราวะก่อนจะไป เขตหน้าศาลาที่ผ่านเรียกว่า “ลอดโขนทวาร” หมายถึง ประตูระหว่างโลกมนุษย์กับประตูยมโลก เมื่อผ่านเขตประตูนี้ ภูตผีปีศาจวิญญาณของผู้ตายจะไปสู่ยมโลกหมด จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับโลกมนุษย์อีกต่อไป ไข้ห่าก็จะหายหมดไปไข้ห่าก็จะหายไปหมด และตั้งแต่วันนั้นจะไม่มีไข้ห่าในบางใบไม้อีกเลย (เป็นความเชื่อถือในยุคสมัยนั้น)
       ผู้เล่า หมื่นโภคากร กำนันตำบลบางขยะ ชื่อจริงของท่านชื่อแดง ท่านบอกเล่าต่อไปว่า ท่านเคยเป็นเด็กวัดบางใบไม้ในสมัยนั้น และได้ร่ำเรียนหนังสือกับพระจนอ่านออกเขียนได้ และได้เรียนพิธีกรรมกับหลวงพ่อขำ ท่านมีความรู้ทางพิธีกรรมกับหลวงพ่อขำ ท่านมีความรู้ทางพิธีกรรมมากมายและเป็นหมอแผนโบราณอีกด้วย ท่านได้ถึงแก่กรรมไปหลายปีแล้ว ถ้าจะนับอายุของท่านถึงปัจจุบันคงไม่ต่ำกว่า 135 ปีท่านชอบเล่าเรื่องในอดีตให้พรรคพวกได้ฟังกันอยู่เสมอข้าพเจ้าจึงได้จดจำเอามาเขียนให้ลูกหลานได้อ่านได้รู้ไม่มากก็น้อย จงพิจารณาดูไม่ได้เขียนขึ้นมาเองอย่างเลื่อนลอย
       และท่านได้เล่าต่อไปอีกว่า หลวงพ่อข้าวสุข(ข้าวสุก) สร้างจากสิ่งมงคลเก้าอย่างพอจะจำได้ลางๆ ดังนี้ แกนกลางทำด้วยแผ่นไม้เล็กๆ ลงอักขระอาคมเป็นภาษาขอมส่วนผสมองค์พระประกอบด้วย
   1. ผงพระพุทธรูปที่ได้จากพระกรุสำคัญในประเทศไทย 9 แห่ง
   2. ดินใต้บริเวณพระเจดีย์มหาธาตุ วัดสำคัญศักดิ์สิทธิ์ 9 แห่ง
   3. ข้าวสุกจากบาตรพระตอนเช้า เก้าก้อน เสกคาถาลงอาคมตากแห้งบดละเอียด
   4. ผงสมุนไพรที่ใช้ในการทำยาให้อยู่ยงคงกะพัน จำนวน 9 ชนิด
   5. หินทรายแดงจากเกาะปราบจำนวน 9 ก้อน บดละเอียดลงคาถาอาคม(สมัยก่อนเรียกว่า เกาะพยาปราบ เป็นที่ลับอาวุธ ดาบ หอก ในการทำศึกสงคราม)
   6. หินทรายแดงจำนวน 9 ก้อน บนยอดเขาพระแก้ว บทละเอียดลงคาถาอาคม(โบราณถือว่า พระพุทธองค์ เมื่อดับขัณฑ์ปรินิพานแล้วได้มาสำแดงอภินิหารเป็นดวงไฟโชติช่วงบนภูเขาแห่งนี้ให้ประจักร จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่าเขาแก้ว ส่วนน้ำที่ไหลจากยอดเขามาขังเป็นสระอยู่ข้างล่าง จึงถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้ในราชประเพณีมาแต่เดิม)
   7. น้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธ์ (ต้นน้ำ) 9 แห่ง ที่ใช้ในราชประเพณี ราชวงศ์จักรี จำได้ 3 แห่ง น้ำในวัดเขาแก้ว น้ำในสระวัดมหาธาตุไชยา น้ำในแม่น้ำเพรชบุรี
ส่วน ข้อ 8 กับ ข้อ 9 จำไม่ได้ จะผิดหรือถูกก็ขอให้ผู้อ่านพิจารณาดู เพราะได้ฟังมานานแล้ว อาจจะผิดหรือถูกก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น แต่จะให้ถูกต้องจริงๆก็ต้องพิสูจน์ทางวิยาศาสตร์เท่านั้น

                  ความหมายของหลวงพ่อข้าวสุข
                       เป็นปริศนาธรรม

    หลวงพ่อข้าวสุข เป็นสำนวนภาคกลาง
    พ่อหลวงข้าวสุข เป็นสำนวนภาคใต้
    พ่อท่าน คือ คุณพ่อที่บวชเป็นพระ
    ข้าว คือ อู่ข้าว อู่น้ำ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ในสวนมีมะพร้าวความอุดมสมบูรณ์ ความร่ำรวย เงินมองจะไหลนองกองมา
    สุข สุขะ สุโข เปลี่ยน สระอะเป็นสระโอ
    สุโข ความสุข ความสบาย อยู่เย็นเป็นสุข หมดจากความทุกข์ยาก ทั้งหลายทั้งปวง หมด จากโรคภัยไข้เจ็บ หมดจากศัตรูที่ปองร้าย ผู้ที่ถูกเวทมนต์คาถาอาคม ก็จะเสื่อมสลายไปหมดสิ้น ผู้ที่เจ็บป่วยก็จะหายสบายเป็นปกติ ผู้ที่ยากจนจะร่ำรวยขึ้น โชคลาภก็จะไหลมาเทมา
ปริศนาธรรมอันนี้หลวงพ่อได้สร้างไว้ให้ช่วยปกป้องคุ้มครอง ชาวบางใบไม้ให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดเวลาอันยาวนาน เป็นพระคู่บุญมาตลอด ในความหมายนี้ข้าวสุขจึงไม่สะกดด้วยตัว ก.ไก่ แต่สะกดด้วยตัว ข.ไข่ จึงจะตรงกับความหมาย

ประวัติหลวงพ่อขำ

       ประวัติหลวงพ่อขำ จริง ๆ ยังหาไม่พบ เพราะเวลาผ่านไปเกือบสองร้อยปีแล้ว จะหาหลักฐานจากคนรุ่นร่วมสมัยเดียวกันคงยาก เหลือแต่คำบอกเล่าเก่า ๆ เท่านั้น ส่วนรูปของท่านจริง ๆ ก็หาไม่ได้ บังเอิญได้พบในงานมงคลของผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เวลาผ่านมา 80 ปีกว่าแล้วจึงขอมาถ่ายทำใหม่ แต่รูปเหลือเพียงซีกเดียวเท่านั้น ตอนนั้นท่านอายุในราว 78-80 ปีแล้ว บวกกับเวลาที่อยู่ในรูปอีก 80 ปี ก็คงนานพอดู


       ทราบแต่เพียงว่าท่านมีวิชาอาคมแก่กล้าและได้เดินทางไปธุดงค์หาความวิเวกมาหลายต่อหลายแห่ง ครั้งสุดท้ายได้มีผู้นิมนต์ให้ท่านมาจำพรรษาที่วัดพุทธชี หรือวัดโพธิ์ชี ต่อมาเกิดโรค อหิวาต์ระบาด ท่านจึงย้ายวัดมาอยู่ข้างใน จึงเป็นวัดบางใบไม้ ในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน ถือว่าท่านเป็นผู้สร้างวัดบางใบไม้หรือเรียกว่า เป็นบิดาของวัดบางใบไม้ก็ไม่ผิด
       เมื่อหลวงพ่อท่านดับ ชาวบางใบไม้จึงได้พร้อมใจกัน สร้างเจดีย์เป็นอนุสาวรีย์ ไว้หน้าอุโบสถและต่อมาได้ทรุดโทรมลงมาก ครอบครัวนายเสริม น้ำเพชร ได้บูรณะขึ้นมาใหม่ จึงขออนุโมทนาสาธุการในความดีครั้งนี้ด้วย


ความสุข


ทำงานเพื่องาน


บาปใหญ่ - บาปลึก


สติปัญญา