มงคลหมู่ที่ 3 ฝึกตนเองให้เป็นคนมีประโยชน์
เมื่อเราได้ผ่านขั้นตอนการพัฒนาตนเองในขั้นต้น ด้วยการฝึกตนให้เป็นคนดี โดยการไม่คบคนพาลคบบัณฑิต บูชาบุคคลที่ควรบูชา และในขั้นถัดมาด้วยการสร้างความพร้อมในการฝึกตน โดยอยู่ในถิ่นที่เหมาะสม มีบุญวาสนามาก่อน และตั้งตนชอบ ก็มาถึงการพัฒนาตนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ด้วยการฝึกตนให้เป็นคนมีประโยชน์ คือจะต้องฝึกตนเองให้เป็นคนมีความสามารถรอบตัวเป็นคนที่พึ่งตนเองได้ นำความรู้ความสามารถที่มีมาใช้ในทางที่ถูกต้องสามารถควบคุมตนเองสามารถสร้างประโยชน์ให้กับตนเอง และสังคมได้อย่างเต็มที่ ผู้ที่สามารถฝึกได้ในขั้นนี้ต้องมีคุณสมบัติสำคัญ ดังนี้
7. เป็นพหูสูต หมายถึง เป็นผู้ที่มีความรอบรู้ คือเป็นผู้ฉลาดรู้เรียนรู้หลักวิชารู้จักเลือกเรียนในสิ่งที่ควรรู้ เป็นผู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมามาก ได้ยินได้ฟังได้อ่านมามาก ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เป็นต้นทางแห่งปัญญา ทำให้เกิดความรู้สำหรับบริหารงานชีวิต และเป็นกุญแจไขไปสู่ ลาภ ยศ สรรเสริญสุข และทุกสิ่งที่เราปรารถนา
8. มีศิลปะ แปลว่า ผู้มีการแสดงออกมาให้ปรากฏขึ้นได้อย่างงดงาม ประณีต ละเอียดอ่อน น่าพึงชมหมายถึง ผู้ฉลาดทำ คือทำเป็นนั่นเอง เป็นความสามารถในทางปฏิบัติ คือสามารถนำความรู้นั้นมาใช้ให้บังเกิดผลได้สามารถทำการงานได้สำเร็จ
9. มีวินัย หมายถึง เป็นผู้ประพฤติอยู่ในระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ วินัยใช้สำหรับควบคุมความประพฤติทางกาย วาจา
ของคนในสังคมให้เรียบร้อยดีงาม เป็นแบบแผนอันหนึ่งอันเดียวกัน จะได้อยู่ร่วมกันด้วยความสุขสบาย ไม่กระทบกระทั่งซึ่งกันและกัน วินัยช่วยให้คนในสังคมห่างไกลจากความชั่วทั้งหลายวินัยจึงเป็นสิ่งที่ใช้ควบคุมคนให้คนเราใช้ความรู้ความสามารถไปในทางที่ถูกที่ควร คือทำคนให้เป็นคนฉลาดใช้วินัยมี 2 ชนิด คือ วินัยทางโลก และวินัยทางธรรม ดังนั้น ผู้มีวินัยดี หมายถึง ผู้ที่รักษาวินัยทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างถูกต้องและเคร่งครัด
10. มีวาจาสุภาษิต หมายถึง มีคำพูดที่ผู้พูดได้กลั่นกรองไว้ดีแล้ว มีลักษณะที่พอเหมาะพอดีถูกกาลเทศะ เป็นคุณแก่ตัวผู้พูดและผู้ฟัง เป็นวาจาชั้นสูง ก่อให้เกิดความสมัคร สมานสามัคคีควรแก่การสรรเสริญของบัณฑิต เราจึงต้องฝึกตัวเองให้มีวาจาสุภาษิต รู้จักควบคุมวาจา พูดเป็น คือเป็น ผู้ฉลาดพูด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น